ศาลสูงสุดของเกาหลีใต้ มีคำตัดสินกลับคำพิพากษาของศาลแขวงปูซาน ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับว่าพฤติกรรมการโทรซ้ำๆ เพื่อทิ้ง missed callไว้เป็นจำนวนมาก เข้าข่ายเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคาม นับเป็นครั้งแรกที่ศาลฎีกาเกาหลีใต้มีคำวินิจัย เพื่อขยายคำจำกัดความของลักษณะพฤติกรรมดังกล่าว คำตัดสินนี้ ได้รับเสียงชื่นชมจากสมาคมทนายความสตรีเกาหลี ที่มองว่า นี่จะเป็นส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการติดตามรังควานบุคคลอื่น (anti-stalking law) ซึ่งประกาศใช้เมื่อปี 2021 เพื่อปกป้องเหยื่อที่ถูกคุกคามด้วยการสะกดรอยตาม

ภายใต้กฎหมายดังกล่าว บุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายลักลอบติดตามหรือมีพฤติกรรมคุกคามรังควานชีวิตบุคคลอื่น จะต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือจ่ายค่าปรับ 30 ล้านวอน หรือเกือบ 8 แสนบาท

เกาหลีใต้ตั้งเป้าหมาย เป็นประเทศผู้นำด้านการผลิตอาวุธ

ล้มเหลว! เกาหลีเหนือส่งดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่อวกาศไม่สำเร็จ

ระทึกคำพูดจาก เครื่องสล็อต! ผู้โดยสารเอเชียนาแอร์ไลน์ส เปิดประตูฉุกเฉิน ขณะเครื่องร่อนลงจอด

คำตัดสินของศาลสูงสุดเกาหลีใต้มีขึ้น หลังจากเมื่อ 2 ปีก่อน มีคดีของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่เคยคบหาก่อนจะเลิกรากันไป ฝ่ายชายคอยโทรหาเธอย้ำๆ ตลอดระยะเวลา 1 เดือน แม้ฝ่ายหญิงจะบล็อกเบอร์ไปแล้ว แต่เขาก็ยังสรรหาสารพัดวิธีในการโทรรังควานอดีตแฟนสาว ทั้งการเปลี่ยนเบอร์โทรและโทรแบบซ่อนเบอร์ นอกจากโทรหาแล้ว ชายหนุ่มยังพยายามข่มขู่ ทั้งการส่งข้อความขู่ฆ่า และส่งรูปบ้านพักที่แม่ของฝ่ายหญิงอาศัยอยู่ ตอนนั้น ศาลแขวงปูซาน ตัดสินให้ชายคนดังกล่าวรับโทษจำคุก 4 เดือน แต่ศาลแขวงและศาลอุทธรณ์ มีความเห็นไม่ตรงกันว่า การโทรจิกซ้ำๆ โดยที่เหยื่อไม่ได้รับโทรศัพท์ เข้าข่ายเป็นการคุกคามหรือไม่ โดยศาลอุทธรณ์ มองว่า แค่เสียงโทรศัพท์ที่ดังย้ำๆ และบันทึกแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับ (missed call) ไม่สามารถตีความว่าเป็นการคุกคามได้ ขณะที่ผู้พิพากษาศาลสูงมองว่า คำตัดสินของศาลชั้นต้นในคดีนั้น อาจจะเกิดจากความเข้าใจ "กฎหมายต่อต้านการติดตามรังควานบุคคลอื่น" ผิด เพราะกฎหมายนี้ ครอบคลุมถึงการทำพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งซ้ำๆ โดยไม่มีเหตุอันควร และเหยื่อไม่สมัครใจ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของศาลสูงเกาหลีใต้ ถือเป็นแนวบันทัดฐานสำหรับการพิจารณาคดีของศาลอื่น ๆ ทั่วประเทศ

ภาพจาก AFP